ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
- ระวังสับสนกับ ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์ใหม่
เนื้อหา[ซ่อน] |
[แก้] ลักษณะทั่วไป
จิตรกรอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลังมีความไม่พึงพอใจต่อความจำกัดของหัวเรื่องที่วาดของศิลปะอิมเพรสชันนิสม์ และแนวความคิดของปรัชญาที่เริ่มจะสูญหายไปของขบวนการเขียนของอิมเพรสชันนิสม์ แต่จิตรกรกลุ่มนี้ก็มิได้มีความเห็นพ้องกันถึงทิศทางใหม่ที่ควรจะดำเนินต่อไปข้างหน้า ฌอร์ฌ-ปีแยร์ เซอรา (Georges-Pierre Seurat) และผู้ติดตามนิยมการเขียนโดยวิธีผสานจุดสี (pointillism) ซึ่งเป็นการเขียนที่ใช้จุดสีเล็ก ๆ ในการสร้างภาพเขียน ปอล เซซานพยายามสร้างกฎเกณฑ์และความมีระเบียบของศิลปะอิมเพรสชันนิสม์ให้เป็นรูปเป็นทรงขึ้นเพื่อจะทำให้ “ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์เป็นศิลปะที่มั่งคงและคงยืนตลอดไป เช่นเดียวกับศิลปะที่แสดงในพิพิธภัณฑ์”[1] การสร้างกฏเกณฑ์การเขียนของเซซานทำด้วยการลดจำนวนสิ่งของในภาพลงไป จนเหลือแต่รูปทรงที่เป็นแก่นสำคัญแต่ยังเซซานยังคงรักษาความจัดของสีที่ใช้แบบศิลปะอิมเพรสชันนิสม์ จิตรกรอิมเพรสชันนิสม์กามีย์ ปีซาโรทดลองการเขียนแบบใหม่โดยการวาดแบบอิมเพรสชันนิสม์ใหม่ ระหว่างกลางคริสต์ทศวรรษ 1880 และต้นคริสต์ทศวรรษ 1890 เมื่อไม่พอใจที่ถูกเรียกว่าเป็นจิตรกรอิมเพรสชันนิสม์แบบจินตนิยม ปีซาโรก็หันไปหาการเขียนไปเป็นแบบผสานจุดสีซึ่งปีซาโรเรียกว่าเป็นศิลปะอิมเพรสชันนิสม์แบบวิทยาศาสตร์ ก่อนที่กลับไปเขียนภาพแบบอิมเพรสชันนิสม์แท้ตามเดิมในช่วงสิบปีสุดท้ายก่อนที่จะเสียชีวิต[2] ฟินเซนต์ ฟาน ก็อกฮ์ ใช้สีเข้มสดและฝีแปรงที่ขดม้วนอย่างมีชีวิตจิตใจเพื่อสื่อความรู้สึกและสถานะภาพทางจิตใจของตนเอง แม้ว่าจิตรกรอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลังมักจะแสดงงานร่วมกันแต่ก็ยังไม่มีความคิดเห็นพ้องกันในแนวทางของขบวนการเขียน จิตรกรรุ่นเด็กกว่าระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1890 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เขียนงานในบริเวณที่แตกต่างออกไปและในแนวการเขียนที่ต่างออกไปเช่นลัทธิโฟวิสม์และลัทธิบาศกนิยม[แก้] ที่มาและความหมายของ “ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง”
คำว่า “อิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง” เป็นคำที่เริ่มใช้ในปี ค.ศ. 1910 โดยศิลปินและนักวิพากษ์ศิลป์ชาวอังกฤษโรเจอร์ ฟราย สำหรับการแสดงงานศิลปะของจิตรกรฝรั่งเศสสมัยใหม่ที่จัดขึ้นในลอนดอน จิตรกรส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมอายุน้อยกว่าจิตรกรอิมเพรสชันนิสม์ ต่อมาฟรายให้คำอธิบายในการใช้คำว่า “อิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง” ว่าเป็นการใช้ “เพื่อความสะดวก ที่จำเป็นต้องตั้งชื่อให้ศิลปินกลุ่มนี้โดยใช้ชื่อที่มีความหมายกว้างที่ไม่บ่งเฉพาะเจาะจงถึงแนวเขียน ชื่อที่เลือกก็คือ “ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง” เพื่อเป็นการแสดงการแยกตัวของศิลปินกลุ่มนี้แต่ยังแสดงความสัมพันธ์บางอย่างกับขบวนการอิมเพรสชันนิสม์เดิม”[3]จอห์น เรวอลด์ (John Rewald) ที่เป็นนักประวัติศาสตร์ศิลปะอาชีพคนแรกที่มีความสนใจในการกำเนิดของศิลปะสมัยใหม่ในระยะแรกที่จำกัดอยู่ในระยะเวลาของ “ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง” ที่นิยมกันระหว่าง ค.ศ. 1886 ถึงค.ศ. 1892 ในหนังสือ “ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง: จากฟาน ก็อกฮ์ถึงโกแก็ง” (ค.ศ. 1956) เรวอลด์เห็นว่าเป็นขบวนการที่ต่อเนื่องจากหนังสือที่เขียนก่อนหน้านั้น “ประวัติของศิลปะอิมเพรสชันนิสม์” (ค.ศ. 1946) และให้ข้อสังเกตว่าเป็น “ฉบับที่อุทิศให้แก่สมัยหลังของศิลปะอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง”[4]—“ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง: จากโกแก็งถึงมาติส” เป็นเล่มที่ตามมาแต่เล่มนี้รวมศิลปะแนวอื่นที่แตกหน่อมาจากศิลปะอิมเพรสชันนิสม์ด้วย” และจำกัดเวลาระหว่างปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เรวอลด์เน้นความสนใจกับการวิวัฒนาการของศิลปินอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลังในระยะแรกในฝรั่งเศส: ฟินเซนต์ ฟาน ก็อกฮ์, ปอล โกแก็ง, ฌอร์ฌ-ปีแยร์ เซอรา, โอดีลง เรอดง (Odilon Redon) และความสัมพันธ์ต่อกันในกลุ่ม และรวมถึงกลุ่มศิลปินอื่นที่ศิลปินกลุ่มนี้ให้ความสนใจหรือต่อต้าน:
- ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์ใหม่ (Neo-Impressionism): เยาะหยันโดยนักวิจารณ์ศิลปะร่วมสมัยและจิตรกรผสานจุดสี; ฌอร์ฌ-ปีแยร์ เซอรา และปอล ซีญัก (Paul Signac) จะพอใจมากกว่าถ้าจะใช้คำอื่นแทนเช่นวิภาคนิยม หรือ “จุดสีเรือง” (Chromoluminarism) เป็นต้น
- คลัวซอนนิสม์ (Cloisonnism): เป็นขบวนการที่เขียนกันอยู่ไม่นานนักที่เริ่มเมื่อ ค.ศ. 1888 โดยนักวิจารณ์ศิลปะเอดัวร์ ดูว์ฌาร์แด็ง (Edouard Dujardin) เพื่อเป็นการเผยแพร่งานของหลุยส์ อ็องเกอแต็ง (Louis Anquetin) ที่ต่อมารวมทั้งงานของจิตรกรร่วมสมัยของเอมีล แบร์นาร์ด (Émile Bernard) ด้วย
- ลัทธิสังเคราะห์นิยม (Synthetism): เป็นขบวนการอายุสั้นอีกขบวนการหนึ่ง ใช้ในปี ค.ศ. 1889 เพื่อแยกงานของโกแก็งและแบร์นาร์ดจากงานของผู้ที่เขียนแบบอิมเพรสชันนิสม์ที่มีแนวโน้มไปทางแบบเดิมที่แสดงงานที่ The Volpini Exhibition ในปี ค.ศ. 1889
- กลุ่มปองต์อาวอง (Pont-Aven School): ที่หมายถึงเพียงกลุ่มศิลปินที่ทำงานในบริเวณปองต์อาวองหรือในบริเวณอื่นในบริตตานี
- ลัทธิสัญลักษณ์นิยม (Symbolism): เป็นคำที่เป็นที่ยอมรับเป็นอย่างดีในบรรดานักวิจารณ์ศิลปะใน ค.ศ. 1891 เมื่อโกแก็งทิ้งสังเคราะห์นิยมทันทีที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำของสัญลักษณ์นิยมในสร้างงานจิตรกรรม
[แก้] การจัดช่วงเวลา

คามิลล์ ปีซาโร, เกี่ยวฟางที่เอรานยี ค.ศ. 1889, งานสะสมส่วนบุคคล
- ลัทธิสมัยใหม่นิยม เป็นคำที่หมายถึงขบวนการทางศิลปะนานาชาติที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมตะวันตกที่เริ่มมาจากฝรั่งเศสและถอยหลังไปถึงการปฏิวัติฝรั่งเศสจนถึงยุคภูมิปัญญา
- ลัทธิสัญลักษณ์นิยม เป็นขบวนการที่เริ่มร้อยปีต่อมาในฝรั่งเศสและเป็นนัยว่าเป็นแนวที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคล จิตรกรต่างก็ใช้สัญลักษณ์ในการเขียนไม่ว่าอย่างใดก็อย่างหนึ่งมากบ้างน้อยบ้าง
แม้ว่า “ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง” จะแยกจาก “ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์” ใน ค.ศ. 1886 แต่จุดจบของ “ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง” ยังไม่เป็นที่ตกลงกัน สำหรับโบวเนสและเรวอลด์แล้ว ลัทธิคิวบิสม์เป็นการเริ่มยุคใหม่ ฉะนั้นลัทธิคิวบิสม์จึงถือว่าเป็นการเริ่มยุคการเขียนใหม่ในฝรั่งเศสตั้งแต่ต้นและต่อมาในประเทศอื่น ขณะเดียวกันศิลปินยุโรปตะวันออกไม่คำนึงถึงการแบ่งแยกตระกูลการเขียนที่ใช้ในศิลปะตะวันตกก็ยังเขียนตามแบบที่เรียกว่าจิตรกรรมแอ็บสแตร็ค และอนุตรนิยม (Suprematism)—ซึ่งเป็นคำที่ใช้ต่อมาจนในคริสต์ศตวรรษที่ 20
[แก้] สรุป
“ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง” ตามความหมายของเรวอลด์จึงเป็นคำที่หมายถึงช่วงเวลาของประวัติศิลปะเท่านั้นที่เน้นงานศิลปะของฝรั่งเศสระหว่าง ค.ศ. 1886 ถึงปี ค.ศ. 1914[แก้] อ้างอิง
[แก้] ดูเพิ่ม
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
- คอมมอนส์ มีภาพและสื่ออื่นๆ เกี่ยวกับ ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง
[แก้] ระเบียงภาพ
ปอล เซซาน (1839–1906) | โอดีลง เรอดง (1840–1916) | ปอล โกแก็ง (1848-1903) | ฟินเซนต์ ฟาน ก็อกฮ์ (1853–1890) | ชาร์ล อ็องกร็อง (1854–1926) |
อ็องรี-แอดมง คร็อส (1856–1910) | ฌอร์ฌ-ปีแยร์ เซอรา (1859–1891) | ปอล ซีญัก (1863–1935) | อ็องรี เดอ ตูลูซ-โลแทร็ก (1864–1901) | |
ปอล เซรูว์ซีเย (1864–1927) | ปอล ร็องซง (1864–1909) | เฟลิกซ์ วาลอตง (1865–1925) |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น